เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว
- เริ่มต้นที่นี่
- เหตุใดจึงต้องซื้อขายกับเรา
- คุณเทรดอะไรได้บ้าง
การเทรดฟอเร็กซ์ออนไลน์:
สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนเริ่มทำการเทรดฟอเร็กซ์
หากคุณกำลังมองหาการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานหรือแม้แต่ความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดเกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์แล้วล่ะก็ คุณมาถูกที่แล้ว!
ในคู่มือนี้เราจะกล่าวถึงสิ่งคำสัญทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนเริ่มทำการเทรดฟอเร็กซ์ ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจวิธีการเข้าสู่ตลาดได้อย่างปลอดภัยด้วยกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง
เริ่มแรกเราจะอธิบายเกี่ยวกับว่าการเทรดฟอเร็กซ์คือสิ่งใดกันแน่ และมันทำงานอย่างไร จากนั้นเราจะเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์พื้นฐานที่คุณต้องทำความคุ้นเคยกับคำ และวลีเหล่านั้นที่ใช้เมื่อการกำลังเทรดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ต่อจากคำศัพท์พื้นฐานก็จะเป็นเรื่องการคำนวณ ซึ่งต่อไปคุณจะใช้งานพวกมันทุกวันในฐานะนักเทรดฟอเร็กซ์
คู่มือของเรามีเป้าหมายเพื่อให้คุณมีเครื่องมือที่ครบครันเพื่อต่อยอดความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดของการเทรดฟอเร็กซ์ ก่อนที่คุณจะเข้าสู่ตลาดทั่วโลก หากคุณมีประสบการณ์มาบ้างแล้วเกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ คุณสามารถข้ามบางส่วนไปยังส่วนที่คุณสนใจได้ เพียงแค่คลิกที่หัวข้อเมนูด้านล่างเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปยังข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณ
ตราสาร | สเปรดขั้นต่ำ | สเปรดโดยประมาณ | Long Position | Short Position |
AUDUSD | 0.0 | 0.1 | -2.07 | 0.3 |
EURGBP | 0 | 0.4 | -5.88 | 2.87 |
EURJPY | 0 | 0.5 | 5.42 | -10.19 |
EURUSD | 0 | 0.1 | -8.6 | 5.9 |
GBPAUD | 0 | 2.5 | -2.21 | -5.78 |
GBPJPY | 0 | 1 | 9.86 | -24.69 |
GBPUSD | 0 | 0.3 | -2.7 | -0.3 |
USDCAD | 0 | 0.2 | 4.01 | -9.09 |
USDCHF | 0 | 0.4 | 6.75 | -10.6 |
USDJPY | 0 | 0.1 | 10.2 | -17.2 |
การเทรดฟอเร็กซ์คืออะไร
และมันทำงานอย่างไร
การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหรือเรียกสั้น ๆ ว่า ฟอเร็กซ์ คือตลาดซึ่งคุณสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งไปยังอีกสกุลเงินหนึ่ง ด้วยปริมาณการเทรดรายวันจำนวน $6.6 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ตลาดฟอเร็กซ์มีขนาดใหญ่มาก! เมื่อเทียบกันแล้วมันได้แซงหน้าการแลกเปลี่ยนหุ้นในนิวยอร์ก (NYSE) ซึ่งมีปริมาณเทรดกันขายเพียง $22.4 พันล้านต่อวันเท่านั้น
ขนาดที่แท้จริงของตลาดฟอเร็กซ์ดึงดูดผู้เข้าร่วมมาจากหลายระดับ เช่น ธนาคารกลาง ผู้จัดการการลงทุน กองทุนป้องกันความเสี่ยง บริษัท โบรกเกอร์ และเทรดเดอร์รายย่อย - 90% ของผู้เข้าร่วมในตลาดแหน่งนี้เป็นนักเก็งกำไรสกุลเงิน!
อะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งดึงดูดนักลงทุนมาจากทั่วโลก? ลองจินตนาการว่าคุณต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งไปเป็นอีกสกุลหนึ่ง คุณสามารถขายเงินสกุลหนึ่ง และซื้ออีกสกุลหนึ่งได้ในเวลาเดียวกัน หรือเรียกว่า ‘การแลกเปลี่ยน’ นั่นเอง
ขณะนี้อัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงินเป็นเรื่องสำคัญเมื่อกำลังเทรดฟอเร็กซ์ อัตราแลกเปลี่ยนนั้นจะมีลักษณะของความผันผวนอย่างต่อเนื่อง และด้วยความผันผวนเหล่านี้จึงทำให้นักเก็งกำไรตลาดสามารถสร้างรายได้หรือขาดทุน จากการเทรด ของพวกเขาได้ ความผันผวนเหล่านี้ถูกขับเคลื่อนโดยอุปสงค์ และอุปทานของแต่ละสกุลเงิน!
โปรดทราบว่า ขณะที่คุณกำลังเทรด ก็มีเทรดเดอร์อีกหลายล้านคนกำลังเข้าสู่ตลาดฟอเร็กซ์เช่นกัน ดังนั้นเมื่อคุณ ‘ขาย’ สกุลเงินหนึ่ง ก็จะมีผู้ซื้อสกุลเงินนั้นอยู่ที่อื่น ยิ่งมีคนกำลังเทรดมากเพียงใด เงินก็ยิ่งสะพัดมากขึ้นในตลาด เราเรียกสิ่งนี้ว่า ‘สภาพคล่อง’ ตามที่กล่าวมาแล้วว่าตลาดฟอเร็กซ์นั้นใหญ่มากจากการเข้าร่วมของเทรดเดอร์หลายล้านรายทั่วโลกจึงทำให้ตลาดฟอรเร็กซ์มีสภาพคล่องที่สูงมาก!
ระดับที่สูงของสภาพคล่องหมายถึงว่า เทรดเดอร์สามารถเข้า หรือออกจากการเทรดได้ โดยที่จะมีผู้ซื้อสกุลเงินที่คุณกำลังขาย หรือมีผู้ขายสำหรับสกุลเงินที่คุณกำลังซื้อ ในช่วงเวลานั้นแทบจะตลอดเวลา!
ระดับสภาพคล่องที่สูงก็มีแง่มุมอื่นด้วย หากระดับของสภาพคล่องสูง ก็จะมีผู้เข้าร่วมในตลาดจำนวนมาก ดังนั้น ต้นทุนการเทรด เช่น ค่าสเปรดก็สามารถต่ำลงได้ สิ่งนี้ยังหมายถึงว่า ตลาดจะถูกบิดเบือนและครอบงำได้ยากขึ้น! หากมีบางคนเปิดการเทรดปริมาณมากในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ จะเกิดผลกระทบครั้งใหญ่ต่อราคา สิ่งนี้จะไม่เกิดในฟอเร็กซ์เพราะว่ามีปริมาณการเทรดอยู่ในระดับสูง!
ขณะนี้ตลาดฟอเร็กซ์ที่ครอบคลุมสกุลเงินทั้งหมดในโลก เปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ การเทรดซึ่งเกิดกับสกุลเงินเหล่านั้น จะถูกดำเนินการโดยวิธีที่เราเรียกว่า over the counter หรือ OTC ซึ่งหมายความว่าไม่มีการแลกเปลี่ยนสินค้ากันจริง ๆ เหมือนกับในตลาดหุ้น มันคือเครือข่ายระดับโลกที่ประกอบไปด้วยผู้เข้าร่วมคือ สถาบันการเงิน และธนาคารต่าง ๆ ที่กำลังมีส่วนร่วมในตลาด ต่างกับการแลกเปลี่ยนแบบมีศูนย์กลางเช่น การแลกเปลี่ยนหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ในฐานะที่เป็นบุคคลธรรมดา คุณจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘เทรดเดอร์รายย่อย’ สัดส่วนใหญ่ที่สุดของการเทรดฟอเร็กซ์ในปัจจุบันดำเนินการโดย ‘นักลงทุนสถาบัน’ เช่น ธนาคาร กองทุน และบริษัทใหญ่ ๆ พวกเขาไม่จำเป็นต้องซื้อหรือขายสกุลเงินของจริง แต่เก็งกำไรเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวราคา หรือป้องกันความเสี่ยงต่อความเปลี่ยนแปลงของอัตราการแลกเปลี่ยนแทน
ตลาดสกุลเงิน และคู่สกุลเงิน
สกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์มีขึ้นเป็นคู่ ยกตัวอย่างเช่น EURUSD (เป็นคู่สกุลเงินที่มีการเทรด และรู้จักมากที่สุดในชื่อเล่นว่า ‘cable’) มาดูกันว่าคู่สกุลเงินคู่หนึ่งประกอบด้วยอะไรบ้าง
สิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้คือ คู่สกุลเงินจะแสดงในรูปแบบของ 'Base Currency' และ 'Counter Currency' โดย base จะหมายตำแหน่งของแรก และ counter คือตำแหน่งที่สอง – ในตัวอย่างของเรา EUR เป็น base currency และ USD เป็น counter currency
เมื่อคุณพร้อมแล้ว (เราจะพูดถึงสิ่งนี้เพิ่มเติมภายหลังในคู่มือนี้) โดยมีความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม และต้องการทำการเทรดครั้งแรก คุณจะพบว่า หากคุณทำการ Short (ขาย) คำสั่งของคุณจะได้รับการดำเนินการที่ราคา Bid price ส่วนหากคุณต้องการทำการ Long ( ซื้อ ) คำสั่งของคุณจะได้รับการดำเนินการที่ Ask price ตามที่แสดงด้านล่าง สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมคือ เมื่อคุณคลิกที่ขายหรือซื้อ คุณจะกำลังดำเนินการซื้อหรือขายกับสกุลเงินตำแหน่งหน้าของคู่นั้น
สำหรับคนที่มีความช่างสังเกต อาจสังเกตเห็นได้ว่ามีความแตกต่าง ระหว่างราคา 'Bid' และ 'Ask' ความแตกต่างตรงนี้เราเรียกว่า ‘ค่าสเปรด’ มันแสดงในรูปแบบ pips ตามตัวอย่างด้านบน ราคา Bid คือ 1.12005 และราคา Ask คือ 1.12023
> 1.8 pips <
อะไรคือ Pip?
คุณจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับคำว่า ‘Pip’ หากคุณกำลังจะเกี่ยวข้องในการเทรดฟอเร็กซ์ออนไลน์
เป็นคำย่อมาจากคำว่า ‘price in point’ (ราคาต่อจุด) หรือ ‘percentage in point’ (เปอร์เซ็นต์ต่อจุด) Pip จุดทศนิยมตำแหน่งที่สี่ที่ใช้ในการทำราคา มันเท่ากับ 1% ของหนึ่งจุดพื้นฐาน คู่สกุลเงินเกือบทั้งหมดจะถูกแสดงราคาเป็นจุดทศนิยม 4 ตำแหน่ง มันคือความเคลื่อนไหวราคาที่เล็กที่สุดซึ่งสามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ (0.0001)
ในเวลานี้มันคือสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องรู้สำหรับการเทรดสกุลเงิน เพราะว่าค่าสเปรด (เราจะกล่าวถึงมันอีกครั้งภายหลัง) จะถูกเสนอราคาในรูปแบบของ pips ซึ่งเราจะเรียนรู้เรื่องค่าสเปรดกันอีกภายหลัง!
คุณต้องการเทรด EURUSD ราคาของ EURUSD คือ 1.1060 ก่อนที่คุณกำลังจะเข้าสู่ตลาด คุณเห็นว่าราคาเปลี่ยนไปเป็น 1.1059 สิ่งนี้หมายความว่าราคาตกลงหนึ่ง 1 pip หรือ 0.0001 นั่นเอง
โปรดอย่าลืมว่า แม้ว่าคู่สกุลเงินเกือบทั้งหมดถูกเสนอราคาด้วยทศนิยม 4 ตำแหน่ง บางคู่สกุลเงิน เช่น เยนญี่ปุ่น จะถูกนำเสนอราคาเป็นจุดทศนิยมสองตำแหน่ง
อะไรคือ Pipette?
ขณะนี้คุณรู้จักคำว่า pip แล้ว เป็นเรื่องสำคัญอีกเช่นกันที่ต้องรู้ว่า ปกติแล้วแพลตฟอร์มการเทรด MT4 จะแสดงราคาเกินมาตรฐานทศนิยม 4 หรือ 2 ตำแหน่ง
Pipette คือ pip ที่แตกย่อยลงไปอีก และสามารถมีทศนิยมได้ถึง 5 หรือ 3 ตำแหน่ง มันคือ 1/10 ของ pip โปรดดูรูปภาพด้านล่างเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการอ่าน pips:
เข้าใจเกี่ยวกับ pip และ pipette มากขึ้นแล้วใช่หรือไม่?
คุ้นเคยกี่ยวกับ pip และ pipette มากขึ้นแล้ว ใช่หรือไม่? ดีมาก! ตอนนี้เราไปดูเรื่องมูลค่าของ pipกันเลย! ค่าเงินของแต่ละสกุลเงินมีความผันผวน ดังนั้นพวกเราจึงเทรดพวกมันได้ และเราจำเป็นต้องคำนวณมูลค่าของ pip สำหรับตราสารซึ่งเราต้องการเทรด มันสามารถทำได้ง่ายมากด้วย 2 ขั้นตอน!
หาร 1 Pip (0.0001) ด้วยราคาตลาดปัจจุบันของคู่สกุลเงินที่คุณเลือก
คูณค่าดังกล่าวด้วยขนาด lot size ของคุณ
EURUSD อยู่ที่ 1.5510 และขนาดล็อตของคุณ คือ มินิล็อต หรือ 10,000 มูลค่าของ pip คือ: (0.0001/1.5510) X 10,000 = 0.6447
ในตัวอย่างนี้ หากตลาดเคลื่อนไหวด้วยหนึ่ง pip คุณจะได้รับหรือขาดทุน 0.6447 EUR
โปรดทราบว่ามูลค่า pip ถูกกำหนดโดยสกุลเงินตำแหน่ง quote currency ในตัวอย่างของเราก็คือ EUR อย่างไรก็ตาม เมื่อสกุลเงิน Quote currency คือ USD มูลค่าของ pip ก็จะเหมือนเดิม! ซึ่งหมายความว่า หากขนาดล็อต คือ 100,000 หนึ่ง pip จะเท่ากับ $1
โบรกเกอร์ของคุณจะคำนวณมูลค่าของ pip ให้คุณ แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ทุกคนต้องรู้!
อะไรคือราคา Bid และ Ask ?
จากที่เราได้คุยกันก่อนหน้านี้ เมื่อคุณกำลังเทรดฟอเร็กซ์ คุณจำเป็นต้องเข้าใจเกี่ยวกับการแสดงค่าของคู่สกุลเงินต่างๆ พวกเรารู้ว่าสกุลเงินจะถูกเทรดเป็นคู่ โดยพิจารณาความแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนตัวลงของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงิน
เมื่อเราซื้อขายคู่สกุลเงินมันคือการที่เรากำลังซื้อสกุลเงินหนึ่งขณะกำลังขายอีกสกุลในเวลาเดียวกัน ดังนั้นราคา ‘Bid’ จึงเป็นราคาที่คุณขายสกุลเงิน ดังนั้นมันคือราคาของการซื้อ - base currency ต่อสกุล - counter currency!
อะไรคือ Spread?
อีกคำหนึ่งที่ควรรู้ความหมายในโลกของการเทรดฟอเร็กซ์ ก็คือค่าสเปรด มันเป็นแนวคิดที่สำคัญที่คุณต้องเข้าใจเมื่อกำลังคิดต้นทุนที่เกี่ยวข้องขณะกำลังเทรดฟอเร็กซ์ออนไลน์!
ค่าสเปรดหมายถึงความแตกต่างกันของสองราคา มันคือช่องว่างระหว่างราคา Bid และราคา Ask ของราคาคู่สกุลเงินที่คุณเลือก
ดังที่คุณได้เรียนรู้ว่า ราคา‘Bid’ คือราคาซึ่งคุณขาย base currency และราคา‘Ask’ คือราคาที่คุณซื้อ base currency! ค่าสเปรดคือต้นทุนที่คุณต้องจ่ายสำหรับการเทรด และสามารถรับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
สิ่งสำคัญ คือ จะต้องทราบว่าโบรกเกอร์ที่ดีจะมีค่าสเปรดที่ต่ำ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าคุณจะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการเทรด แม้ว่าค่าสเปรดเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในเวลาความผันผวนในตลาดมีสูง แต่โบรกเกอร์อย่าง Tickmill จะยังคงนำเสนอค่าสเปรดต่ำสุดที่พร้อมให้บริการอยู่เสมอ ดังน้นคุณจะสามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อค่าสเปรดกว้างขึ้น นั่นหมายความว่ามีความแตกต่างมากขึ้นระหว่างสองราคา ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่มีนัยยะสำหรับการประเมินความผันผวนตลาด ในทางทฤษฎีหมายถึง ค่าสเปรดจะต่ำลงเมื่อตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้น
เลเวอเรจ และ มาจิ้น?
เมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับคำต่าง ๆ เช่น pips และ ค่าสเปรด คุณจะได้ยินคำว่า เลเวอเรจ และมาร์จิ้น บ่อยครั้งขึ้น สองคำนี้เป็นคำที่มาด้วยกัน
โดยพื้นฐานแล้ว เลเวอเรจ ก็เหมือนการยืมเงินจากโบรกเกอร์ของคุณเพื่อทำให้ทุนที่จะใช้ในการเทรดของคุณมีมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้สามารถเป็นไปได้ด้วยการใช้บัญชีมาจิ้น และเงื่อนไขอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ด้วยความสามารถนี้ ความนิยมในการเทรดฟอเร็กซ์จึงมีเพิ่มขึ้น
โปรดดูตัวอย่างที่มีรายละเอียดมากขึ้น:
คุณได้ตัดสินใจเทรดด้วยเลเวอเรจ 1:100
คุณได้ฝากเงินจำนวน $1,000 กับโบรกเกอร์ของคุณ
ดังนั้น คุณสามารถมีวงเงินที่ใช้ในการเทรดจริง เป็นจำนวน $100,000!
สิ่งนี้หมายความว่า เมื่อคุณกำลังเทรด ผลกำไรที่คุณทำได้จากการเทรดจะมีมากขึ้นเพราะคุณกำลังใช้เงินมากขึ้นเพื่อทำการเทรดซึ่งเป็นเงินที่คุณได้ยืมมาจากโบรกเกอร์ของคุณ ในจุดนี้คุณต้องตระหนักอย่างยิ่งว่าการเทรดด้วยเลเวอเรจเปรียบเสมือนดาบสองคม มันสามารถทำกำไรให้คุณมากขึ้นและมันก็ทำให้คุณขาดทุนมากขึ้นได้เช่นกัน
ในขณะเพื่อที่จะใช้งานเลเวอเรจ โบรกเกอร์ของคุณต้องการหลักประกันบางส่วนจากคุณ และนั่นคือที่มาของมาร์จิ้น! ให้คิดถึงมาร์จิ้นของคุณว่าเป็นเงินฝาก ซึ่งคุณนำไปให้กับโบรกเกอร์ของคุณเป็นหลักประกันสำหรับการเปิด และคงสภาพคำสั่งเทรดไว้ โบรกเกอร์จะกันทุนส่วนนี้ไว้เป็นหลักประกันเพื่อครอบคลุมการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ในการเทรดของคุณ
‘ข้อกำหนดมาร์จิ้น’ 'margin requirement' ซึ่งโบรกเกอร์ของคุณจำเป็นต้องแสดงในรูปแบบของเปอร์เซ็นของการเทรดโดยรวมของคุณและในการเทรดแต่ละครั้งที่คุณเปิดก็จะมีมาร์จิ้น โปรดจำไว้ว่าข้อกำหนดมาร์จิ้นจะผกผันไปตามสินทรัพย์ที่คุณเทรด และกับโบรกเกอร์ที่คุณใช้บริการด้วย
การเทรดคู่สกุลเงิน
การเทรดสกุลเงินเหมือนกับการเทรดฟอเร็กซ์หรือไม่?
คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์แล้ว คุณอาจได้ยินเกี่ยวกับการเทรดสกุลเงิน การเทรดสกุลเงินเหมือนกับการเทรดฟอเร็กซ์หรือไม่?
สรุปสั้น ๆ ว่ามันเหมือนกัน!
โดยทั่วไปนอกจากคำว่า ‘Foreign exchange’ หรือ ‘Forex’ อีกคำคือ Currency trade ในการเทรดสกุลเงิน สิ่งที่คุณจะต้องทำคือการเทรดสกุลเงินเป็นคู่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการเทรดฟอเร็กซ์ อนุมานได้ว่า การเทรดสกุลเงินคือการที่คุณกำลังเทรดมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง เช่น หากคุณกำลังเทรด EURUSD หมายถึงคุณกำลังเก็งกำไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินของ EURO ต่อ USD
วิธีการ เทรดคู่สกุลเงิน ในฟอเร็กซ์
ทั้งหมดทั้งสิ้นก็คือเรื่องของมูลค่า
มูลค่าของแต่ละสกุลเงินขึ้นอยู่กับอุปสงค์ และอุปทาน ซึ่งเป็นการกำหนด ‘อัตราแลกเปลี่ยน’ ระหว่างสองสกุลเงิน อัตราแลกเปลี่ยนคือความแตกต่างระหว่างค่าเงินของสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ซึ่งจะบอกคุณว่า คุณต้องใช้จำนวนเงินเท่าใดในสกุลหนึ่งเพื่อแลกกับอีกสกุลหนึ่ง เช่น คุณจะได้รับเงินปอนด์เท่าใดสำหรับเงินยูโรของคุณ
ถึงตอนนี้ ต้องจำไว้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเกี่ยวข้องกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเทรดสกุลเงินจะพิจารณาปัจจัยหลากหลายซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงิน
และพวกเขาจะเก็งกำไรว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงินเหล่านั้นอย่างไร หากเทรดเดอร์คิดว่ามูลค่าของสกุลเงินจะเพิ่มขึ้น พวกเขาก็จะซื้อสกุลเงินนั้น ในทางตรงกันข้าม หากพวกเขาคิดว่ามูลค่าของสกุลเงินจะลดลง พวกเขาก็จะขายมันแทน
เมื่อคุณกำลังเทรดฟอเร็กซ์ หมายถึงว่าคุณกำลังเทรดคู่สกุลเงินสองสกุลเงินซึ่งมีปัจจัยต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องกับมูลค่าของพวกมันในความสัมพันธ์ของกันและกัน
ตัวอย่าง นักลงทุนอาจเชื่อว่าสกุลเงินยูโรจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินปอนด์อังกฤษ
ซึ่งเกิดจากการเปิดข้อมูลอะไรบางอย่าง ดังนั้น นักลงทุนจะขายเงินยูโร ด้วยความเชื่อที่ว่ามูลค่ามันจะลดลง และซื้อเงินปอนด์อังกฤษในเวลาเดียวกัน ด้วยที่เชื่อว่ามูลค่าจะสูงขึ้น หากนักลงทุนคาดการณ์ได้ถูกต้อง พวกเขาก็จะทำกำไรได้!
ดูเหมือนไม่ยุ่งยากใช่หรือไม่? แต่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า การเก็งกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจตลาด ในเรื่องของวิธีการเคลื่อนไหวของตลาด
โบรกเกอร์ ฟอเร็กซ์
พวกเขาคือใคร และมีกลไกทำงานอย่างไร
ทุก ๆ วันมีการเทรดหลายล้านล้านดอลลาร์ในตลาดฟอเร็กซ์ จึงทำให้ฟอเร็กซ์เป็นตลาดทางการเงินใหญ่ที่สุดอย่างแท้จริงในแง่ของปริมาณการเทรด อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้พร้อมให้บริการสำหรับกิจการขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทขนาดใหญ่ และกองทุนป้องกันความเสี่ยง แต่ในขณะที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาขึ้น นักลงทุนรายย่อย เช่น เทรดเดอร์ที่เป็นบุคคลธรรมดา สามารถเข้าถึงตลาดและเป็นเทรดเดอร์รายย่อยได้! สิ่งนี้ทำให้เป็นไปได้ด้วยการมีโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
ตามที่เราได้กล่าวถึงแล้ว การเทรดฟอเร็กซ์คือการขายสกุลเงินหนึ่งขณะที่กำลังซื้อสกุลเงินอื่น หน้าที่ของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ก็คือการเชื่อมต่อระหว่างเทรดเดอร์ และผู้ซื้อสกุลเงินที่พวกเขากำลังขายหรือในกรณีตรงกันข้าม ดังนั้น สิ่งที่ทำให้การเทรดของคุณเกิดขึ้นได้ก็คือ การจับคู่การเทรดของคุณกับเทรดเดอร์รายอื่น ของโบรกเกอร์ หรือส่งคำสั่งไปยังตลาดธนาคารกลาง ซึ่งสามารถจับคู่ธุรกรรมที่ตรงกันได้!
หากไม่มี โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ คุณจะไม่สามารถเข้าถึงตลาดธนาคารกลางเนื่องจากต้องพบกับข้อกำหนดเรื่องวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์เป็นผู้ที่ทำตามข้อกำหนดดังกล่าวแทนคุณ ทำให้คุณสามารถเทรดกับโบรกเกอร์และรายการธุรกรรมของคุณเข้าสู่ตลาดได้ แม้คุณจะมีวงเงินขนาดเล็กกว่าที่ตลาดธนาคารกลางต้องการก็ตาม
ต้องขอขอบคุณเลเวอรเจ คุณสามารถมีขนาดทุนที่เพิ่มขึ้นได้จากวงเงินลงทุนของคุณเอง มันทำให้คุณทำการเทรดในปริมาณที่มากขึ้นได้ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะเป็นผู้นำเสนอเลเวอเรจเหล่านี้ พวกเขาใช้เงินลงทุนของพวกเขาเองเพื่อเปิดการเทรด ดังนั้น คุณจึงสามารถมีส่วนร่วมในตลาดฟอเร็กซ์ได้!
ตลาดฟอเร็กซ์:ช่วงเวลาการเทรด
เมื่อคุณเริ่มทำการซื้อขาย คุณอาจถามตัวเองก่อนว่า 'ตลาดฟอเร็กซ์จะเปิดเมื่อไหร่' ?
มี 4 ช่วงการซื้อขายแยกกันในตลาดฟอเร็กซ์: ซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก แต่ละช่วงและหมายความว่าตลาด forex เปิดในเช้าวันจันทร์และปิดในคืนวันศุกร์!
ดูภาพด้านล่างเพื่อดูว่าระยะเวลาของตลาด FX ทำงานอย่างไร
คุณอาจพบว่ามีการทับซ้อนกันระหว่างเซสชัน ตัวอย่างเช่น เวลา 7.00 น. (GMT) เซสชั่นที่โตเกียวและลอนดอนเปิดอยู่ นี่คือสิ่งที่ทำให้แน่ใจว่าตลาด Forex ให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ (ตลาดปิดในช่วงสุดสัปดาห์)
ฟอเร็กซ์ ในนามของการลงทุน
นักลงทุนในปัจจุบันสามารถเข้าถึงชุดเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตน การขยายหุ้นของบริษัทบลูชิปและหุ้นไปสู่การลงทุนในฟอเร็กซ์ โอกาสไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม คุณจะตัดสินใจอย่างไรว่าต้องการลงทุน Forex หรือลงทุนในที่อื่น?
ปัจจัยสำคัญบางประการที่ควรพิจารณาคือการยอมรับความเสี่ยงและรูปแบบการซื้อขายของคุณ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในช่วงหลายปีจะเหมาะกับหุ้นมากกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีความสนใจในการลงทุนระยะสั้นที่มีความเสี่ยงสูงอาจมีความเหมาะสมกับการลงทุน Forex มากกว่า
ตัวอย่างของ กลยุทธ์การเทรดฟอเร็กซ์
เมื่อคุณเริ่มตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจวิธีที่ดีที่สุดในการเลือกกลยุทธ์ มีสามส่วนหลักที่คุณควรพิจารณา:
การเลือกกรอบเวลาให้เหมาะกับสไตล์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญมาก ตัวอย่างเช่น ความแตกต่างระหว่างแผนภูมิ 15 นาทีและแผนภูมิรายสัปดาห์สำหรับเทรดเดอร์นั้นยิ่งใหญ่มาก! หากคุณเหมาะสมกับการเป็น Scalper หรือเทรดเดอร์ที่ได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในตลาด คุณควรดูกรอบเวลาระหว่าง 1 ถึง 15 นาที เปรียบเทียบกับ เดย์เทรด หรือสวิงเทรดที่มักจะใช้กรอบเวลาที่ยาวกว่าเช่นแผนภูมิ 4 ชั่วโมง ดังนั้น ในการตัดสินใจ คุณจะต้องถามตัวเองว่า "ฉันต้องการให้การซื้อขายของฉันเปิดอยู่นานแค่ไหน"
คำถามต่อไปที่คุณควรถามตัวเองคือ "ฉันต้องการเปิดและปิดการซื้อขายกี่ครั้ง" หากคุณต้องการเปิดการซื้อขายจำนวนมากขึ้น คุณน่าจะเหมาะกับการ scalping ซึ่งคุณจะเปิดการซื้อขายขนาดเล็กที่มีความถี่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์บางรายจะใช้เวลาอย่างมากในการวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจและรายงานเศรษฐกิจมหภาค สิ่งนี้จะช่วยเสริมแนวทางการวิเคราะห์พื้นฐานของพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขามักจะใช้เวลาน้อยลงในการวิเคราะห์แผนภูมิ หากคุณกำลังจะใช้แนวทางนี้ บางทีกลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้กรอบเวลาที่ยาวขึ้นและขนาดออเดอร์ที่ใหญ่ขึ้นอาจเหมาะกับคุณมากกว่า
คำถามสุดท้ายและสำคัญที่สุดที่คุณจะถามตัวเองก็คือ "ฉันอยากให้คำสั่งเทรดของฉันมีขนาดการเทรดใหญ่แค่ไหน"
เมื่อตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ใด คุณจะต้องมีความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่คุณต้องการรับในขณะทำการซื้อขาย การเทรดที่ใหญ่ขึ้นมักจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่มากขึ้นและอาจขาดทุนมากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถจัดการความเสี่ยงของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องคำนวณความเสี่ยงที่คุณต้องการสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้ง เทรดเดอร์บางรายมีแนวโน้มที่จะจำกัดความเสี่ยง 1% ในแต่ละการซื้อขาย หมายความว่าพวกเขาเต็มใจที่จะเสี่ยงเพียง 1% ของบัญชีของพวกเขาในการซื้อขาย 1 ครั้ง
ตัวอย่างเช่น คุณมีเงิน $10,000 ในบัญชีของคุณ หากคุณตั้งขีดจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ 1% คุณก็จะเปิดการซื้อขายที่ 100 ดอลลาร์ในแต่ละครั้งเท่านั้น ตามกฎทั่วไป หากคุณกำลังจะเปิดการซื้อขายที่มีจำนวนน้อยลง ขนาดของการเทรดควรจะใหญ่กว่า เช่นเดียวกันในทางกลับกัน
ตอนนี้คุณเข้าใจวิธีตัดสินใจว่ากลยุทธ์การซื้อขายใดที่คุณต้องการใช้แล้ว มาดูกลยุทธ์ทั่วไปบางส่วนที่ใช้กัน
ตามชื่อที่บอกไว้ Day trading หรือการเทรดระหว่างวัน จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดภายในวันซื้อขายเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าคำสั่งเทรดทั้งหมดที่คุณเปิดจะถูกปิดก่อนที่ตลาดจะปิดเมื่อสิ้นสุดวันนั้น กรอบเวลาที่ผู้ค้ามักจะใช้จะมีตั้งแต่ระยะสั้นจริงๆ (ภายในไม่กี่นาที) หรือในช่วงไม่กี่ชั่วโมง
ประเภทของเทรดเดอร์ที่ทำการเทรดฟอเร็กซ์ระหว่างวัน มักจะมุ่งเน้นไปที่เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับข่าว ตัวอย่างเช่น พวกเขาจะจับตาดูข่าวเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย การเผยแพร่ GDP การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น และกิจกรรมอื่นๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาด
ตามกฎทั่วไป บรรดาผู้ที่เลือกใช้กลยุทธ์ Day trading forex จะมองจังหวะเปิดสถานะการเทรด เมื่อราคาทะลุผ่าน EMA 8 ช่วง ในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม ส่วนการปิดสถานะ มักจะตัดสินใจโดยใช้อัตราส่วนความเสี่ยง/ผลตอบแทน 1:1
กลยุทธ์นี้มักใช้ร่วมกับสินทรัพย์อื่นๆ ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้ว เทรดเดอร์จะใช้ฟอเร็กซ์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเทรดตราสารในสินทรัพย์ประเภทอื่นหรือสำหรับสถานะการเทรดฟอเร็กซ์อื่นๆ มี 2 วิธีที่คุณสามารถทำได้
1. ฟอเร็กซ์เทรดเดอร์ ใช้ 'hedge' เพื่อปกป้องความเสี่ยงจากคำสั่งเทรดที่มีอยู่แล้วโดยราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม สิ่งที่พวกเขาจะทำคือถือทั้งสถานะ 'long' และ 'short' ในเวลาเดียวกันโดยใช้คู่สกุลเงินเดียวกัน หรือที่เรียกว่า 'perfect hedge' วิธีการนี้ช่วยขจัดความเสี่ยงจากคำสั่งเทรดที่เปิดอยู่ได้ แล้วเมื่อตลาดเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตรงกับเป้าหมายของแผน พวกเขาจึงค่อยปิดคำสั่งเทรดที่ทำหน้าที่จำกัด-ควบคุมความเสี่ยงออกไป
2. ในวิธีนี้เป็นการใช้ hedging บางส่วน โดยเทรดเดอร์จะเปิด 'hedge' ซึ่งมีขนาด ไม่เท่ากับคำสั่งซื้อขายที่เปิดไว้ก่อนหน้านั้น วิธีนี้เรียกอีกอย่างว่า 'imperfect hedge', วิธีนี้ทำได้โดยเมื่อเทรดเดอร์เปิดคำสั่ง Long สถานะการเทรดในฟอเร็กซ์ จากนั้นไปทำการ Buy put option ในตราสารเดียวกัน ซึ่งหมายถึงเป็นการซื้อประกันความเสี่ยงด้วยเงินเพียงบางส่วนของที่ใช้กับการ Long ตราสารฟอเร็กซ์
สามารถอธิบายได้แบบง่ายๆคือ เป็นวิธีการเทรดที่จะรับผลกำไรระยะสั้น แต่เทรดจำนวนครั้งสูง ด้วยขนาดที่เล็ก เป็นกลยุทธ์ที่ดำเนินการในกรอบเวลาที่สั้นมาก สามารถทำได้ด้วยตนเองหรือใช้โปรแกรมอัลกอริธึม เช่น expert advisor โดยอัตโนมัติ
โดยทั่วไป scalpers จะเทรดในกรอบเวลาระหว่าง 1 ถึง 3 นาที อันดับแรกพวกเขาจะตั้งเป้าหมายเพื่อระบุแนวโน้มของตลาดโดยใช้อินดิเคเตอร์เช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ที่จะพิจารณาประกอบโดยมองในกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้มั่นใจในทิศทางของตลาดมากขึ้น จากนั้นจึงทำการ เทรดโดยพิจารณา แนวรับและแนวต้าน
เทรดเดอร์จะวางจุด Stop loss ด้วยระยะสั้นไม่กี่จุดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาสามารถป้องกันตัวเองจากการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ในตลาด จากนั้นพวกเขาจะทำเช่นนี้หลายครั้งเพื่อให้กำไรเล็กน้อยที่สะสมจากการซื้อขายแต่ละครั้งจะเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน
กระบวนการที่เราได้เรียนรู้ข้างต้นยังสามารถทำงานอัตโนมัติได้อย่างเต็มที่โดยใช้ expert advisor ซึ่งไม่เพียงแต่จะลดเรื่องของจุดอ่อนในด้านอารมณ์ของการซื้อขาย แต่ยังมีแนวโน้มที่จะดำเนินการด้วยความเร็วที่สูงกว่ามากอีกด้วย ทำให้ Scalper ได้กำไรมากขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ
ตอนนี้ เราได้ทำความเข้าใจกลยุทธ์ถึง2-3 รูปแบบแล้ว ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ทั้งหมดที่มีให้ใช้ซื้อขาย ในกรอบเวลาที่แตกต่าง และสไตล์ที่แตกต่างกัน คุณจะเห็นว่ามีกลยุทธ์การซื้อขายหลายประเภทให้เลือก ในกราฟด้านล่าง คุณสามารถดูข้อมูลบางส่วนที่มีอยู่และทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการแต่ละอย่างในบล็อกของเราได้มากขึ้น